ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาชุดการสอนคณิตศาสตร์ที่เน้นวิธีเรียนแบบกลุ่มช่วยเรียน
รายบุคคล (Team Assisted Individualization หรือ TAI) เรื่อง สมการ
และอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางสาวออนอนงค์ ใจศิริ
ปีการศึกษา 2554
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นการพัฒนาชุดการสอนคณิตศาสตร์ที่เน้นวิธีเรียนแบบกลุ่มช่วยเรียนรายบุคคล (Team
Assisted Individualization หรือ TAI) เรื่อง
สมการและอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจุดมุ่งหมาย (1)
เพื่อสร้างและพัฒนาชุดการสอนคณิตศาสตร์
ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้ชุดการสอนคณิตศาสตร์
ก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน
(Post-test) (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อชุดการสอคณิตศาสตร์
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนามนพิทยาคม อำเภอนามน
จังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 32 คน ใช้เวลาในการทดลองสอน จำนวน 16 คาบ คาบละ 50 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย 1) ชุดการสอนคณิตศาสตร์ที่เน้นวิธีเรียนแบบกลุ่มช่วยเรียนรายบุคคล
2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นวิธีเรียนแบบกลุ่มช่วยเรียนรายบุคคล
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์
ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด 4
ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายเท่ากับ
0.45-0.68 และอำนาจจำแนก
เป็น 0.27-0.72
และมีค่าความเที่ยงเท่ากับ .76 แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน
25 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ตั้งแต่ 0.35
ถึง 0.70
มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
ค่าเฉลี่ย ร้อยละ
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
ผลการพัฒนาชุดการสอนคณิตศาสตร์ที่เน้นวิธีเรียนแบบ
กลุ่มช่วยเรียนรายบุคคล
(Team
Assisted Individualization หรือ TAI) เรื่อง สมการและอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80 ที่ระดับ
86.41/86.20
ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 16.50 และ 41.73
จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน คิดเป็นร้อยละ
33.00
และ 83.45
คะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียนทั้ง 8 ชุดการสอน
เท่ากับ 64.45 จากคะแนนเต็ม 80 คิดเป็น
ร้อยละ 80.56 ซึ่งมีคะแนนพัฒนาการทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้นจากเดิม
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05 ดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน เท่ากับ
0.75
ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 75 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนอยู่ในระดับมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น